รีวิวแบบบ้านๆ Samyang 20mm F1.8 ED AS UMC เลนส์ล่าช้าง
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง น้าๆทุกท่าน
พบกันอีกแล้วกับรายการป้ายยา ป้ายกันรายสัปดาห์
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณตัวแทนจำหน่ายเลนส์ Samyang ประจำประเทศไทย บริษัท camera maker
ที่ส่งเลนส์ Samyang Ultra wide Lens ตัวนี้มาให้ทดลองใช้ครับ
เลนส์ตัวที่ผมได้รับมาเป็นเมาท์ Sony FE mount เพื่อทดลองใช้กับบอดี้กล้อง Sony Full Frame
ส่วนผู้ใช้กล้องเมาท์อื่นๆก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่โดนป้ายยา
เพราะเลนส์รุ่นนี้ มีทำออกมาขายครบทุกเมาท์
คือเค้าใช้ชุดชิ้นแก้วแบบสหกรณ์ ใช้ร่วมกันทุกเมาท์
โดยมีท้ายเลนส์แตกต่างกันไป
ไม่ว่าใช้กล้องอะไร Canon Nikon Pentax Fuji Sony เค้าก็มีขายครับ
บางกล้องใส่แล้วกว้าง บางกล้องใส่แล้วแคบ คละเคล้ากันไป
ตามแต่ว่าขนาดเซ็นเซอร์ จะเป็น FF หรือ APSC
ด้วยกล้องแต่ละค่าย ต่างก็มีระยะ Register (ระยะจากท้ายเลนส์ ไป ถึงระนาบเซ็นเซอร์)
ที่สั้น ยาว แตกต่างกันไป บางค่ายก็ 20mm บางค่ายก็ 45mm
ดังนั้น ท้ายเลนส์ samyang รุ่นนี้ สำหรับกล้องแต่ละเมาท์ ก็จะสั้นยาวไม่เท่ากันครับ
ถ้าเป็นเลนส์สำหรับกล้อง SLR เช่นของ nikon canon ท้ายเลนส์ก็จะสั้นๆหน่อย ตามภาพ
แต่ถ้าเป็นเมาท์ของ Mirrorless
ก็จะมีการปรับระยะท้ายเลนส์ให้ยาวขึ้น เพื่อให้สอนคล้องกับเมาท์ที่ใช้
ดังนั้น รุ่นที่ใช้กับกล้อง Mirrorless เช่นพวก
Sony และ Fuji ก็จะมีท้ายเลนส์ยาวออกมาอีกหน่อย ตามภาพครับ
Samyang 20mm F1.8 Specification
ส่วน spec และน้ำหนัก องศารับภาพ เวลาใส่กับกล้องต่างๆ จะได้มุมรับภาพเท่าไหร่
ตัวเลนส์น้ำหนักเท่าไหร่
เค้ามีเขียนไว้ข้างๆกล่องแล้ว
ผมก็ถ่ายรูปข้างกล่องเค้ามาลงดื้อๆเลยครับ ง่ายดี
สูตรการประกอบชิ้นเลนส์ ใช้ชิ้นแก้ว 13 ชิ้น แบ่งเป็น 12 กลุ่ม
โดยจัดเรียงตามภาพ
และก็มีการใช้ชิ้นเลนส์พิเศษอย่างชิ้นแก้ว Aspherical และพวกชิ้นแก้วพิเศษ ED มาประกอบ
เพื่อลดความคลาด ความเบี้ยว ความเพี้ยนต่างๆ ให้เลนส์มันถ่ายภาพออกมาได้เที่ยงตรงที่สุด
รูปร่างและหน้าตาตัวเลนส์ Samyang 20mm F1.8 สำหรับ Sony FE Mount
รูปร่างหน้าตาเลนส์ เวลาใส่กับกล้อง จะออกยาวๆนิดหน่อย
เพราะมีการต่อท้ายเสริมออกมาเพื่อปรับระยะ register
วัสดุการผลิต
บอดี้เลนส์ เป็นโลหะล้วนๆ ดูบึกบึน หมุนลื่นถนัดมือ
แหวนปรับรูรับแสงมีคลิกให้เรานับ 2 คลิกเป็น 1 stop
พอใช้จนเคยชินแล้ว เราก็จะสามารถกะได้ ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ f ที่เท่าไหร่
โดยรับจากจำนวนคลิกได้ครับ เช่นว่า F1.8 กว้างสุด บิดไป คลิกๆ ก็ 2.8 คลิกๆ ก็ 4 คลิกๆ 5.6 ไปเรื่อยๆ
อะไรประมาณนั้น
และบนตัวเลนส์ก็มีเสกล บอกระยะโฟกัสที่ตัวเลนส์
ตั้งแต่ 20cm อันเป็นระยะใกล้สุด จนถึง infinity ครับ
นับว่าเป็นเลนส์ Wide ที่ถ่ายจ่อได้ใกล้พอสมควรเลยครับ
เวลาถ่ายเอาไปถ่ายพวกดาว ทางช้างเผือกอะไรต่างๆนี่ก็ง่ายเลย
หมุนโฟกัสไปที่ infinity ก็เรียบร้อย ดาวก็ชัดพอดีเป๊ะๆ ไม่มีขาด ไม่มีเกิน
ม่านรูรับแสง 7 กลีบ
จะให้โบเก้กลมที่ f1.8 เวลาหรี่ม่านรูรับแสงลงไปแคบๆ จะกลายเป็นโบเก้ 7 เหลี่ยม
และให้แฉกไฟ 14 แฉกครับ
เลนส์ตัวนี้ ถูกออกแบบมาให้เป็นเลนส์มุมรับภาพกว้าง และ รูรับแสงกว้าง
ความสว่างสูง
วงภาพที่ฉายออกมาครอบคลุมเซ็นเซอร์ Fullframe แต่ก็ใส่กับกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดอื่นได้ด้วยครับ
เหมาะกับการถ่ายภาพทั่วๆไปได้ทุกแนว ทั้งวิวทิวทัศน์ สิ่งของ ท่องเที่ยว คน
และเหมาะกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย และแม้กระทั่งถ่ายภาพหมู่ดาวทางช้างเผือกอะไรก็ได้สบายๆ
เท่าที่เอาไปทดลองมาราวๆสิบวัน ได้ภาพมาประมาณนี้ครับ
ลองมาดูรูปด้วยกันก่อนครับ เดี๋ยวจะมาวิเคราะห์กันทีหลัง
สัมผัสแรกกับการใช้งาน Samyang 20mm F1.8
ความรู้สึกที่เอาไปออกรอบวันแรก คือ มันเป็นเลนส์ที่ได้ภาพแนวที่เค้าเรียกว่า 3D pop
ซึ่งคือภาพแนวๆที่ subject ลอยเด้งออกมาจากฉากหลังได้ง่ายมาก
อาจเป็นเพราะว่าเป็นเลนส์ที่คมกริบตั้งแต่ f กว้างสุด ที่ f 1.8
และพอเวลาเราเอาไปถ่ายที่ f1.8 เลนส์ตัวนี้ ก็ยังสามารถละลายฉากหลังได้พอสมควรอยู่
พอความคมของ subject กับ ความเบลอของฉากหลัง มาผสมกันอย่างกลมกล่อม
ก็จะเกิด effect ที่เรียกว่า 3d pop คือเวลาดูภาพแล้ว ฉากหนัา ฉากหลัง มันแยกกันชัดเจน
ก็จะรู้สึกว่า subject มันลอยออกมาจากฉากหลัง ดูมีมิติ ประมาณนั้น
ผมรู้สึกไปคนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ช่วยๆกันส่องดูหน่อยละกันครับ
โทนสี
โทนภาพ สีสันโดยรวม ถือว่าถูกใจวัยรุ่นเลยครับ
ส่วนเวลาถ่ายในที่แสงน้อย ก็ให้ภาพที่คงความสดใส สีสันไม่ดรอปไปครับ
รายละเอียดต่างๆ ยังตามมาหมด
ทดลองการเก็บรายละเอียดภาพ
ทดลองดู Lens distortion
เนื่องจาก lens ตัวนี้เป็นเลนส์มือหมุนล้วนๆ ไม่มีการสื่อสารอะไรกับกล้อง
จึงแอบส่งข้อมูลให้กล้องไปแก้ distortion อะไรไม่ได้สักอย่าง
ดูจากไฟล์ jpg ดิบๆจากกล้อง
เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์มุมกว้างที่ทำเรื่อง distortion ได้ดีอยู่ครับ
แทบจะไม่เห็นอาการหุบ อาการบวม ของภาพเลย อาการต่างๆมีน้อย
และแนวเส้นสายต่างๆในภาพ ก็ออกมาค่อนข้างจะตรงดีทีเดียวครับ
ทดสอบโบเก้
เลนส์ตัวนี้ เป็นเลนส์ ultrawide ก็จริง แต่ว่าด้วยความที่มันมีรูรับแสงกว้างถึง f1.8
เวลาเอามาใส่กับกล้อง FF ก็ทำให้มันก็สามารถละลายหลังได้พอกล้อมแกล้มอยู่ครับ
โบเก้ทรงกลม เป็นระเบียบเรียบร้อย
ส่วนลักษณะการละลายหลัง ก็ออกแนวสุภาพเรียบร้อย ไล่ละลายไปแบบ เนียนๆ ละมุนๆ สบายตา
ไม่โฉ่งฉ่าง กระโชกโฮกฮาก

ทดสอบแฉกไฟ
ต่อจากโบเก้ ก็มาเรื่องแฉกไฟครับ
เลนส์ตัวนี้ มีใบเบลดม่านรับแสง หรือไดอะเฟรม 7 เบลด
ตามกฏของการสะท้อนอะไรก็ไม่รู้หละ เรียกไม่ถูก
ย่อมให้แฉกไฟ 14 แฉก ครับ
เลนส์ที่มีใบเบลดไดอะเฟรมเป็นเลข คู่ จะให้จำนวนแฉก ตามจำนวนใบเบลด เช่น 6 ใบ ก็ให้แฉกไฟ 6 แฉก
ส่วนเลนส์ที่มีใบเบลดไดอะเฟรมเป็นเลขคี่ จะให้จำนวนแฉก เท่ากับจำนวนใบเบลดคูณสอง เช่น 5 ใบ ก็ให้แฉกไฟ 10 แฉก
โดยแฉกจะเริ่มเห็นได้ที่ราวๆ f5.6 ครับ
และเห็นแฉกยาวเฟื้อย ชัดเจน ที่ f 8 – 11
ทดลองคุณสมบัติของเลนส์ต่อไป
เรื่อง vignette หรือขอบภาพมืด
เลนส์ samyang ตัวนี้ ที่ f1.8 มีขอบภาพมืดหน่อยครับ
พอลด f ลงไป สัก 2.8 ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
และหายหมดจด ราวๆที่ f4 ครับ
ต่อมา ก็ลองเรื่อง flare การต้านทานแสงอาทิตย์
ย้อนเต็มๆ ก็ยังไม่ค่อยปรากฏอาการอะไรครับ
ลองดูคลิปย้อนแสงครับ
และทดสอบคุณสมบัติเลนส์ข้อสุดท้าย
เรื่องการต้านทานขอบม่วง หรือ CA
ถ่ายวัตถุสีโครเมี่ยม กลางแดดจ้า ไม่ปรากฏขอบม่วงให้เห็นครับ
ถ่ายแสงแดด ส่องทะลุใบไม้ มีขอบม่วงลอดออกมาบ้างนิดหน่อย โดยรวมถือว่าทั้งเรื่อง Flare และเรื่อง CA ทำได้ดีเช่นกันครับ
ทดลองคุณสมบัติเลนส์ด้านต่างๆจนครบทุกข้อ
ทั้งความคม การเก็บรายละเอียด โทนสีโทนภาพ distortion โบเก้ flare คิดว่าครบละนะครับ
ต่อไปก็เอาไปออกรอบ ถ่ายดาว ล่าช้าง ตามวัตถุประสงค์ของเลนส์ได้หละ
ผมไปถ่าย เช้ามืดวันที่ 24 กับ 25 กพ ซึ่งเป็นคืนแรม 13 , 14 ค่ำ
ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงจันทร์มารบกวนเลยครับ พระจันทร์ขึ้นราวๆ ตีห้ากว่าๆ
สถานที่ ก็เป็นอ่างเก็บน้ำ แถวๆ อ. แม่ออน เชียงใหม่ ซึ่งมันมืดสนิทดีแท้ๆ
ไปถึงหน้างาน ตีสาม มีเวลาถ่ายอยู่สองชั่วโมง
เลยเล่นทั้งภาพนิ่ง และก็ timelapse vdo ซะเลย
เลนส์ช่วง 18 – 20mm นี่ กว้างกำลังสวยๆ เก็บทางช้างเผือกมาได้พอดีๆเฟรม ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป
และ f1.8 ของเลนส์ตัวนี้ ก็ช่วยให้ประหยัด ชัตเตอร์สปีด และ ประหยัด iso ได้อีกเยอะเลยครับ
พูดแล้ว คิดถึง nikon DL ชะมัด ไม่น่าตายทั้งกลมเล้ย หนูเอ๊ย ถ้าเอามาถ่ายดาว ท่าจะสนุกน่าดูชม
ถ่ายๆอยู่พระจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้ามาแพลมๆครับ แจ่มเลย
เดินไปเดินมา เจอคนนั่งถ่ายรูปอยู่ริมน้ำอีก เลยจับมาประกอบเข้าฉากด้วย
Clip timelapse
วิธี ก็ถ่ายภาพนิ่งมา
set นี้ผมใช้ประมาณ 300 รูปชุดนึง กับร้อยกว่ารูปอีกชุดนึง
แต่ละรูปใช้ shutter speed ราวๆ 13 วินาที iso 3200 f1.8
สั่งให้กล้องมันเริ่มถ่ายไปเรื่อยๆ แล้วก็นั่งเล่น เดินเล่นรอได้เลยหละครับ นานเป็นชั่วโมง กว่าจะจบ
โดย app timelapse ในกล้อง ก็จะเอาภาพนิ่งที่ถ่ายมา นำมาต่อๆๆๆกันรวมเป็น vdo ให้ในกล้องเลย
หลังจากนั้น เราก็ยังสามารถเอากลุ่มภาพที่ถ่ายมา มาทำแพนซ้ายขวา ซูมเข้าซูมออก
ยำออกมาเป็น vdo คลิปใหม่เพิ่มได้อีก
ออกมาแล้ว เป็นคลิป ที่ใสสว่าง และเนียนที่สุดเท่าที่เคยถ่ายมาครับ
ได้ลองใช้แล้ว ก็เกิดมีความอยากได้ A7S มากมาย
แจ่มทั้งกล้อง ทั้งเลนส์ ทั้ง app timelase ในกล้อง
ได้คลิปออกมาแล้วเอาไฟล์ vdo ที่ออกมาจากกล้อง มาต่อๆกัน
แล้วใส่ไตเติ้ลด้วยโปรแกรม windows movie maker
แล้วก็อัพขึ้น youtube ให้ youtube หาเพลงประกอบใส่เข้าไปครับ ก็เสร็จเรียบร้อยครับ
ได้คลิป timelapse เก๋ๆเป็นของตัวเอง
สุดท้าย เอาเลนส์ไปลองถ่ายงานแต่งน้องดู
เลนส์ตัวนี้ ถ่ายออกมาก็เก็บบรรยากาศได้ภาพรวมแบบกว้างๆ ออกมาสนุกสนานพอใช้ได้อยู่
และก็ถ่ายในที่แสงน้อยแบบงานแต่งได้โอเคเลยครับ เพราะเป็นเลนส์ f1.8 ไม่ต้องดัน iso ไปสูงมาก
และช่วงชัดลึกที่ f1.8 ก็ยังคลุมตัวแบบได้
สรุป
เลนส์ตัวนี้ ก็เป็นเลนส์ที่มีความกว้างที่พอประมาณครับ ไม่กว้างมากจนเวิ้งว้าง ไม่แคบไม่อึดอัด
เป็นเลนส์ที่ถ่ายง่าย ถ่ายสนุก ใช้งานได้หลากหลาย
ตั้งแต่ถ่ายอาหารตามสั่ง ไปถึงถ่ายทางช้างเผือกปู้นหละครับ
รูรับแสง f1.8 นี่ ทำให้เล่นหลังละลายได้พอกล้อมแกล้ม
เป็นเลนส์ที่เอาไปถ่ายดาวได้สนุกมากๆอีกตัวนึง f 1.8 นี่ ช่วยให้ประหยัด shutter speed ประหยัด iso ได้เยอะครับ
เป็นเลนส์ที่ผมใช้แล้ว รู้สึกว่ามันเป็นเลนส์ที่คุณภาพด้าน optic ถูกใจมากๆตัวนึง
คุณสมบัติเด่นข้อแรกๆที่พอใช้แล้ว สามารถจับความรู้สึกออกมาได้ง่ายๆตั้งแต่ตอนที่เอามาถ่าย 20 ภาพแรก
คือรู้สึกว่าภาพมันมีความ pop out ตัว subject กับฉากหลัง แยกกันออกมาชัดเจนเลย
ความคมดีงาม คมตั้งแต่ f1.8 และ การเก็บรายละเอียดในที่แสงมาก แสงน้อย
distortion flare ghost CA อะไรต่างๆก็ทำออกมาได้ดีมาก
จนรู้สึกว่า เลนส์ค่ายเกาหลีสมัยนี้ ตัวที่ออกมาใหม่ๆนี่ คุณภาพด้าน optic ไม่ได้เป็นรองเลนส์ญี่ปุ่นเลยครับ
เผลอๆจะแซงญี่ปุ่นบางค่ายไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ
ส่วนข้อเสีย และข้อควรปรับปรุง
อันดับแรกเลย ก็คือเรื่อง vignette
จะมองในแง่ลบ vignette มันก็คือ vignette ที่คนไม่ชอบกันนี่หละครับ
มันทำให้ขอบภาพมืด มันจม รายละเอียดหาย
หรือถ้ามองในแง่บวก vignette มันก็ทำให้ subject กลางภาพเด่นขึ้นมาเหมือนกันนะ แฮ่ๆ
อย่างถัดมา คือ ไหนๆเค้าก็ใส่ focus scale มาแล้ว เค้าน่าจะใส่ขีด Depth of field scale มาด้วยอีกอย่างนะครับ
จะได้มีครบๆ เวลาใช้ hyper focal จะได้กะกันได้ง่ายๆเลย
ต่อมา ก็มีเรื่องแหวนปรับ f ลื่นๆปรับยากนิดหน่อยครับ
ถ้าบากแหวนปรับ f ให้บั้งมันลึกๆกว่านี้อีกหน่อย ก็น่าจะใช้ได้ง่ายกว่านี้
และสุดท้าย น้ำหนักเลนส์ ถ้าเป็นกล้อง DSLR น้ำหนักเกือบครึ่งกิโล มันก็คงจะหนักสมดุลย์พอดี
แต่พอใช้กับกล้อง mirrorless ท้ายมันยาว และน้ำหนักเยอะเกินไปหน่อยครับทำให้ balance มันไม่ค่อยลงตัว
เพราะดั้งเดิม มันเป็นเลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง SLR มากกว่า
ต้องเอามาต่อตูดยาวๆ เพื่อใช้กับกล้อง mirrorless
ไม่ใช่เป็นเลนส์ท้ายสั้น ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง mirrorless โดยเฉพาะ
===========================
ส่วนถามว่าเมาท์ไหนคุ้ม ส่วนตัว ถ้าเป็นตัวผม ผมว่าเมาท์ Nikon น่าจะคุ้มที่สุดครับ
เพราะว่า ใส่ nikon ได้เลย เวลาจะเอาใส่กล้อง canon ก็เอามาต่อ adapter ได้
พอจะเอามาใส่กับกล้อง Mirrorless ก็มีทั้งออฟชั่นเสริม เช่นพวก Speedbooster focal reducer ,
และยังมีทั้ง Adapter Techart Pro ที่ทำให้เลนส์กลายเป็น Auto Focus ได้เฉยเลย
และก็ยังมี adapter tilt / shift อะไรต่างๆ ให้เลือกเอามาต่อได้อีกเยอะแยะมากมายครับ
======================
ก็ต้องขอขอบคุณ camera maker ที่ส่งเลนส์มาให้ลอง และขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน ที่เข้ามารับชมกระทู้ด้วยครับ
ทางเว็บไซต์ คาเมร่า เมคเกอร์ ขอนำบทความรีวิวสินค้ามาเผยแพร่เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาและประกอบการตัดสินใจ
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้: tamrong
สามารถดูรีวิวต้นฉบับได้ที่: https://pantip.com/topic/36180681