ทำไมเลนส์มือหมุนสามารถพัฒนาคุณให้เป็นช่างภาพที่ดีขึ้น เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของการถ่ายภาพด้วยเลนส์มือหมุนคืออะไร?
เป็นเพราะผลลัพธ์ที่ดีกว่าหรือเพียงแค่ความเคยชินส่วนบุคคลเท่านั้น? เพราะอะไร? ทั้งๆ ที่ระบบออโต้โฟกัสถูกพัฒนาออกมานานหลายปี แต่ก็ยังคงมีคนเลือกที่จะใช้ระบบแมนนวลอยู่
เลนส์มือหมุนพิเศษตรงไหน?
บางคนอาจโต้แย้งว่า การเลือกเลนส์กล้องนั้น จะใช้อะไรก็ได้ตามแต่ความถนัด และไม่ได้ให้ความแตกต่างจากการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิลม์สุดคลาสสิคอย่างกล้อง Rolleiflex หรือกล้องจากสมาร์ทโฟนเลย
แต่ความจริงก็คือ… มันมีความต่างและจะเป็นการดี ถ้าคุณจะตระหนักถึงมัน
อันที่จริงแล้ว การถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR บอดี้พลาสติก กับเลนส์ระดับกลางนั้นไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่คุณยอมรับปัญหาของเลนส์ AF ได้ (ซึ่งมันจะไม่เกิดถ้าคุณใช้เลนส์มือหมุน-MF-Manual Focus) เพราะแม้แต่ช่างภาพในตำนานอย่าง อ็องรี การ์ตีเย-แบรซง สามารถสร้างชื่อของตัวเองขึ้นมาได้จากกล้องของเล่นเท่านั้น แต่เมื่อคุณลองมองดูผลงานที่คุณล้างหรือปริ้นท์ออกมา คุณจะเห็นรอยแตกเล็กๆ เป็นพิกเซล ซึ่งจะไม่พบกับรูปที่ถ่ายจากกล้องที่ใช้เลนส์มือหมุน ทว่ามันเป็นความแตกต่างที่น่าตกใจ
แต่ที่พูดมาด้านบนนี้ก็เป็นเรื่องของการถ่ายภาพด้วยเลนส์มือหมุน แล้วถ้าพูดถึงการผสมผสานแบบการใช้เลนส์มือหมุนกับกล้อง DSLR ล่ะ ผลที่ได้จะเทียบเท่ากับกล้องฟิล์มรึเปล่า?
“แน่นอนว่า… ไม่”
แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดสร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดออกมาราวกับมีชีวิต และเวลาก็เข้ามามีบทบาทสำคัญสำหรับผู้คนที่กดปุ่มชัตเตอร์ เพื่อจะเก็บภาพอันสมบูรณ์แบบเอาไว้
ซึ่งไม่ว่าคุณจะอ่านบทสัมภาษณ์ของช่างภาพชื่อดังมามากขนาดไหน แต่พวกเขาก็ล้วนพูดถึงสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือ การใช้เลนส์มือหมุน คือ ศาสตร์ของการกะจังหวะเวลา ในขณะที่คุณค่อย ๆ หมุนเลนส์ให้ได้ความชัดลึกที่ต้องการด้วยสายตาของคุณ การฝึกฝนสายตาก็ได้เริ่มขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้คุณมองวัตถุและเชื่อมโยงกับความคิดต่างๆ ได้แล้ว ยังจะทำให้คุณเป็นช่างภาพที่ดีขึ้นได้อีกด้วย “ความอดทน” “การเชื่อมต่อสิ่งต่าง ๆ”
“รับฟังสิ่งที่พวกเขา (ที่อยู่หน้าเลนส์) กำลังบอกเรา” นี่คือข้อความหลักๆ ที่เรามักจะได้เจอ เมื่ออ่านบทสัมภาษณ์ของช่างภาพชื่อดังทั้งหลาย
“เพราะถ้าคุณฝึกสายตาของคุณให้เฉียบคมขึ้น การถ่ายภาพก็จะเฉียบคมขึ้นเช่นกัน”
การเลือกใช้เลนส์มือหมุนจะสอนวิธีการจัดการเวลาของคุณเสมอว่า กว่าจะได้แต่ละภาพนั้นต้องมีความอดทน อีกทั้งยังทำให้คุณต้องรู้วิธีในการตั้งค่าส่วนต่างๆ มากมาย เพราะมันจะไม่เหมือนระบบออโต้ที่จัดการให้คุณได้อย่างอัตโนมัติ
ซึ่งก็หมายความว่า กว่าที่จะได้ออกมาเป็นภาพหนึ่งภาพ คุณจะต้องรับรู้ทั้งความเร็วชัตเตอร์ และค่ารูรับแสง และบางสิ่งก็ไม่ได้อยู่รอให้คุณทดลองก่อนจะถ่าย ดังนั้น ยิ่งคุณมีภาพของการตั้งค่าต่างๆ อยู่ในใจชัดเจนมากเท่าไหร่ คุณก็จะไม่พลาดรูปดี ๆ ไป เพราะคุณจะไม่มัวแต่เสียเวลามาตั้งค่ากล้อง
และหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถตั้งค่าได้ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนก็คือ “สายตาของคุณ” ที่จะต้องจัดองค์ประกอบต่างๆ ของภาพออกมา
มันเป็นสิ่งที่คุณจะเรียนรู้ได้จากการฝึกฝนด้วยตัวเองเท่านั้น แรก ๆ อาจจะใช้เวลามากทีเดียว กว่าจะได้รูปภาพสวยงามถูกใจคุณสักรูป แต่เมื่อสายตาได้รับการฝึกไปมากๆ จนในที่สุดคุณก็จะอยู่ในจุดที่แค่มองก็รู้ได้ว่าต้องถ่ายมุมไหนถึงจะดี
สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ ต้องทำความรู้จักกับกล้องของคุณโดยการปิดจอแสดงภาพ แล้วมองผ่านช่องมองภาพแทน อาจจะลำบากในช่วงแรกๆ แต่มันจะทำให้คุณสามารถหมุนหาโฟกัสที่ต้องการได้คล่องขึ้น การถ่ายภาพออกมาหลุดโฟกัสไปบ้างไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันคือการฝึกฝนแบบหนึ่ง เพราะว่านี่คือชีวิตจริง ไม่มีอะไรจะถูกต้องสมบูรณ์ไปทุกอย่าง
มีอะไรสำคัญที่ต้องแนะนำอีกมั้ยนะ?
มี!! นั่นคือ.. ห้ามตรวจสอบภาพทันทีหลังจากที่ถ่าย
นี่พูดจริงๆ นะ
การก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ต้องสนหรอกว่าคุณจะถ่ายรูปเบลอๆ เสียๆ ไปกี่ใบ เพราะทุกความผิดพลาด คือ “บทเรียน” อย่าให้รูปเสียใบเดียวมาขัดจังหวะการเรียนรู้ของคุณ ที่คุณต้องทำก็คือ แค่ถ่ายไปเรื่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ สักพักมือของคุณก็จะเริ่มชินกับเลนส์มือหมุน และสายตาของคุณก็จะเฉียบคมขึ้นเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการฝึกฝนเท่านั้น อย่าร้อช้า หยิบกล้องออกมาแล้วทดลองถ่ายภาพซะ วิธีนี้เป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุดเกินกว่าที่ตำราเล่นไหนๆ จะมอบให้คุณได้
สุดท้ายนี้ เราหวังว่าคุณจะได้รับความรู้จากบทความนี้ไม่มากก็น้อย หรือทว่า.. ตอนนี้คุณกำลังมองหาเลนส์มือหมุนอยู่ละก็ ลองติดต่อเรา Camera Maker เรามีเลนส์มือหมุนมากมายหลายประเภท ที่อยากจะแนะนำให้คุณได้ลองใช้ ไม่ว่าจะเป็นความชอบส่วนตัว หรือเพื่อจะที่พัฒนาฝีมือการถ่ายภาพของคุณก็ตาม สามารถเข้าไปชมสินค้าของเราก่อนได้ที่ cameramaker.co.th/shop
หรือสอบถามการใช้เลนส์มือหมุนได้ที่ Camera Maker ติดต่อ Line ID : @cameramaker