Site icon Camera Maker

เปิดตัว Nikon Z9 สู้ศึกเรือธง Mirrorless พร้อมขนทัพขบวนซูมเลนส์ S-Line อีกเพรียบ

เปิดตัว Nikon Z9 สู้ศึกเรือธง Mirrorless พร้อมขนทัพขบวนซูมเลนส์ S-Line อีกเพรียบ

เปิดตัว Nikon Z9 สู้ศึกเรือธง Mirrorless หลังจากปล่อยให้คู่แข่งสำคัญอย่าง Sony และ Canon รุกตลาดกล้องไร้กระจกแบบทิ้งห่างทั้งยอดขายและเทคโนโลยี ก็ถึงเวลาทวงบัลลังก์ด้วยการเปิดตัวกล้อง Flagship รุ่นแรกใน Z-series ซึ่งการมาถึงของกล้อง Nikon Z9 ก็สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่วงการกล้อง กับเหล่าสาวกไม่น้อย ด้วยความผิดหวังในหลายๆ เรื่องจากกล้อง Z-mount รุ่นก่อนหน้า ที่ทำไม่ได้ตามคาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งหมัดต่อหมัด ทำให้การเปิดตัว Nikon Z9 เปรียบเสมือนการก้าวเข้าสู่สงครามของกล้อง Mirrorless อย่างเต็มตัว

Nikon Z9 มาพร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบเรียงซ้อน Stacked CMOS รุ่นใหม่ที่ Nikon พัฒนาขึ้นมาสำหรับกล้องเรือธงรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยมีความละเอียดสำหรับการใช้งานจริง 45.7 megapixel มาพร้อมชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด EXPEED 7 ที่มีประสิทธิภาพมากว่ารุ่นก่อนหน้า 10 เท่า เร่งประสิทธิภาพการทำงานทุกด้านของกล้องจนถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Full AF/AE สูงสุด 20 fps (Raw 14bit) / 30 fps (JPEG) / 120 fps (JPEG 11MP) และจัดการ Buffer ได้สูงถึง 1,000+ ภาพ

พร้อมจัดหนักจัดเต็มด้วยการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K UHD 30p (60p ในการอัปเดต Firmware) และ 4K UHD สูงสุด 120p และรองรับ H.265 (HEVC) 8 bit/10 bit รวมทั้ง Apple ProRes 422 HQ ที่สามารถบันทึกผ่านตัวกล้องโดยตรง สามารถเลือกแกมม่าสีได้ทั้งรูปแบบ SDR, N-Log และ HLG และยังปรับปรุงคุณสมบัติการลดภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถชดเชยอาการภาพพร่ามัวที่เกิดจากสภาวะกล้องสั่นเมื่อถือกล้องถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากการอัปเกรดมาใช้เซนเซอร์รับภาพรุ่นใหม่ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดในการผลิตเซนเซอร์แบบเรียงซ้อน จึงทำให้กล้อง Nikon Z9 สามารถใช้ Electronic Shutter ที่มาพร้อมความเร็วในการสแกนที่เร็วที่สุดในโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และลดอาการ Rolling Shutter ที่มักพบได้ในกล้อง Mirrorless ให้เหลือในอัตราที่น้อยที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีกล้องไร้กระจกในปัจจุบันจะสามารถทำได้ และเลิกใช้งาน Mechanical Shutter อย่างเต็มสมบูรณ์ เพื่อขยายขีดความสามารถของกล้องรุ่นนี้ด้วยความเร็วชัตเตอร์สูงสุดที่ 1/32,000 วินาที ทำงานร่วมกับค่าความไวแสง ISO 64-25,600 และขยายได้สูงสุด ISO 32-102,400

กล้อง Nikon Z9 ยังจัดเต็มด้วยบอดี้ที่มาพร้อมกริปแนวตั้งที่ช่วยเรื่องการจับถือ พร้อมปุ่ม Customs รอบบอดี้ที่เพิ่มฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายและตอบโจทย์ช่างภาพระดับมืออาชีพ โดยปุ่มฟังก์ชันติดตั้งไฟ LED สำหรับการทำงานในที่แสงน้อย เสริมแกร่งด้วยการปิดผนึกสภาพอากาศขั้นสูงเพื่อการทำงานที่สมบุกสมบันสุดขั้ว อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของกล้อง Nikon Z ที่มีม่านปิดกั้นเซนเซอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการป้องกันเซนเซอร์จากถอดเปลี่ยนเลนส์ และเสริมด้วยฟังด์ชัน VR Lock สำหรับช็อคระบบกันสันของเซนเซอร์รับภาพขณะปิดกล้อง ป้องกันกลไกลเสื่อมสภาพ และเป็นครั้งแรกที่เซนเซอร์รับภาพได้รับการเคลือบการป้องกันถึงสองชั้น

รอบนี้ Nikon Z9 ชูโรงด้วยช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 3.68 ล้านจุด แบบ Real-Live ที่สามารถแสดงผลแบบได้อย่างเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์ที่ได้รับจากกล้อง DSLR และยังเป็น Quad-VGA ที่สว่างที่สุด สามารถเพิ่มความสว่างด้วยตัวเองถึง 3,000 nits พร้อม Blackout-Free ไม่มีผ่านดำมากวนใจแม้ถ่ายด้วยอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง 120 fps กับหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2.1 ล้านจุด ที่สามารถปรับองศาได้ 4 ทิศทาง โดยเมนูและการแสดงผลของกล้องจะปรับตามทิศทางการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนั้น จึงช่วยการจัดวางองค์ประกอบที่ถูกต้องและเที่ยงตรงกว่าจอ Flip ด้านข้างที่นิยมใช้กัน และยังมีโหมดสีจอแสดงผลโทนอุ่นเพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อย เช่น การถ่ายดาว หรือในสถานที่ห้ามแสงรบกวนอย่างในโรงละคร

แน่นอนว่าหลังจากถูกปรามาสเรื่องระบบ Auto Focus ที่ล้าหลังและตามเกมคู่แข่งอยู่หลายปี Nikon ก็ได้เข็น 3D Tracking AF ระบบโฟกัสในตำนานของตัวเองกลับมา พร้อมปรับปรุงและเพิ่มตัวเลือกอัตรโนมัติอีกเพรียบ โดยสามารถติดตามใบหน้าของคนและสัตว์ รวมทั้งติดตามวัตถุหรือรถได้มากถึง 9 ประเภททั้งโหมดภาพนิ่งและวิดีโอ โดยสามารถเลือกเฉพาะเจาะจงและตั้งค่าให้กล้องประมวลผลอัตโนมัติ ด้วยความเร็วในการประมวลผลออโตโฟกัส 120 รอบต่อวินาที จึงสามารถติดตามวัตถุที่ต้องการโฟกัสได้อย่างเหนียวแน่น

Nikon Z9 รองรับหน่วยความจำความเร็วสูงประเภท CFexpress Type B และ XQD ใช้แบตเตอรี่รุ่น EN-EL18d ที่มีอายุการใช้งานต่อรอบการชาร์จประมาณ 700 ภาพในสถานการณ์ต่างๆ และการถ่ายภาพในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องประมาณ 5,310 ภาพ อีกทั้งยังรองรับการบันทึกวิดีโอเป็นเวลาประมาณ 170 นาที และยังสามารถจ่ายพลังงานผ่าน USB หรือผ่านสาย USB UC-E25 ระหว่างการถ่ายภาพได้จากแบตเตอรี่ พร้อมการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้นด้วย WI-FI ในตัวและ LAN แบบมีสาย 1000BASE-T และรองรับข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำผ่าน GNSS ที่ใช้ร่วมกับสัญญาณที่ปล่อยออกมาจากดาวเทียม GPS

สำหรับราคาเปิดตัว Nikon Z9 อยู่ที่ 5500 เหรียญ หรือประมาณ 192,500 บาท

 

เปิดตัวซูมเลนส์ S-line รุ่นใหม่ พร้อมประกาศ Roadmap การพัฒนาเลนส์หลายรุ่น

นอกจากนี้ยังมีการประกาศเลนส์รุ่นใหม่สองรุ่น Nikkor Z 24-120mm F4 S ซูมเลนส์ระยะอเนกประสงค์สำหรับ Fx-format ที่เพิ่มช่วงซูมเพื่อการทำงานที่คล่องตัวและหลากหลายยิ่งขึ้น และเลนส์ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน Nikkor Z 100-400mm F4.5-5.6 VR S ซุปเปอร์ซูมตัวแรกของ Nikon Z-mount ที่มีทางยาวโฟกัสมากกว่า 200mm และสุดท้ายกับ Adapter FTZ II รุ่นใหม่ที่ปรับปรุงระบบโฟกัสและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานกับเลนส์ Nikon F-mount รุ่นต่างๆ ได้อย่างสะดวกและเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้ง Nikon ยังได้ประกาศ Roadmap การพัฒนาเลนส์อีกหลายตัว ซึ่งรุ่นที่โดดเด่นและถูกจับตามองก็หนีไม่พ้น Prime lens ระยะ 400mm F2.8 TC VR ซุปเปอร์เทเลโฟโต้ระดับมืออาชีพ

Nikkor Z 24-120mm F4 S

 

Nikkor Z 100-400mm F4.5-5.6 VR S

100mm (0.75m)
135mm (0.78m)
200mm (0.8m)
300mm (0.87m)
400mm (0.98m)

 

แหล่งที่มา DPreview และ Nikon TH

Exit mobile version